สำหรับผู้ที่กำลังลังเลใจว่าจะส่งข้อความ SMS กับผู้ให้บริการแบบไหนดี ระหว่างผู้ให้บริการในประเทศ หรือผู้ให้บริการต่างประเทศ ดังนั้นบทความนี้จึงได้นำข้อแตกต่างมาเปรียบเทียบกัน เพื่อช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ว่าบริการ SMS แบบไหนที่น่าสนใจ และเหมาะกับรูปแบบ หรือสไตล์การส่งข้อความของคุณมากกว่ากันค่ะ ถ้าพร้อมแล้วมาดูไปพร้อมกันเลยค่ะ

ข้อแตกต่างของบริการ SMS ระหว่างผู้ให้บริการประเทศไทยและต่างประเทศ

1. ราคา 

– บริการในประเทศ

สำหรับผู้ใช้บริการในประเทศการซื้อ SMS เพื่อการส่งข้อความไปยังกลุ่มเป้าหมาย หากคุณซื้อกับผู้ใช้บริการในประเทศเดียวกัน จะทำให้ได้ราคาที่ถูกกว่าการไปซื้อกับผู้ให้บริการที่ต่างประเทศ และยิ่งซื้อในปริมาณมากก็จะทำให้คุณได้ราคาที่ถูกลงกว่าเดิม

– บริการต่างประเทศ

หากคุณเลือกใช้บริการที่อยู่ต่างประเทศ ราคาอาจจะแพงกว่าในประเทศ เนื่องด้วยค่าเงินในแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน และอีกกรณีหนึ่ง คือการที่ผู้ให้บริการได้ราคาที่ตกลงกันไว้ กับเครือข่ายหลักในราคาที่สูงกว่าผู้ให้บริการในพื้นที่ของเรา

2. การส่งข้อความไปยังต่างประเทศ 

– บริการในประเทศ
สำหรับผู้ให้บริการในไทย มักจะไม่ให้บริการไปต่างประเทศ เนื่องจากความยุ่งยากในการติดต่อกับเจ้าของเครือข่ายในแต่ละประเทศ หรือบางที่อาจจะมุ่งเน้นแค่ในประเทศเท่านั้นทำให้เราจะมีตัวเลือกน้อยมาก ะ

– บริการต่างประเทศ
นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณต้องการส่งข้อความไปยังต่างประเทศ เพราะผู้ให้บริการที่เป็นเจ้าของประเทศนั้น ๆ ย่อมให้บริการได้ดีกว่า แต่อาจจะติดปัญหาเรื่องราคาที่สูงกว่าปกติ

3. ภาษา 

– บริการในประเทศ
แน่นอนกว่าทั้งการส่ง และเว็บไซต์ของผู้ให้บริการจะเป็นภาษาไทยทั้งหมด ทำให้คุณสามารถเข้าใจในเนื้อหาภายในเว็บไซต์ ขั้นตอนการส่งข้อความ หรือแม้กระทั่งการติดต่อกับบุคคลที่รับผิดชอบ และผู้ที่คอยให้บริการ ( Supports ) อย่างถ่องแท้

– บริการต่างประเทศ
พอเป็นผู้ให้บริการต่างประเทศ สำหรับผู้ที่ไม่ถนัดภาษาที่สอง อาจจะยากต่อการอ่านรายละเอียดในหน้าเว็บไซต์ หรือหน้าส่งข้อความ จนไปถึงการสื่อสารกับทีม Supports ของบริษัทผู้ให้บริการที่คุณเลือก

4.การ Support 

– บริการในประเทศ
ในประเทศจะสามารถดูแลลูกค้าได้รวดเร็วกว่า และสามารถติดต่อเพื่อสอบถามหรือแจ้งปัญหาได้หลากหลายช่องทาง เช่น เว็บไซต์  โซเชียลมีเดียต่าง ๆ รวมไปถึงการโทรเพื่อสอบถามได้โดยตรง

– บริการต่างประเทศ
การ Supports ต่างประเทศนอกจากเรื่องของภาษา ก็จะมีเรื่องของเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยค่ะ เนื่องจากเวลาแต่ละพื้นที่ไม่ตรงกัน ดังนั้นเรื่องการดูแลหรือตอบปัญหาก็อาจจะใช้เวลาสักหน่อย แต่ข้อดีของผู้ใช้บริการต่างประเทศก็คือช่องทางการแจ้งข้อมูลหรือปัญหาที่ชัดเจนและเป็นระบบ ทำให้เราสามารถทราบว่าควรเข้าไปแจ้งตรงไหนเมื่อเกิดปัญหา และติดตามสถานะต่อไปได้

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการเปรียบเทียบในข้อเด่น ๆ ที่ได้หยิบยกมาเป็นตัวอย่างเท่านั้นนะคะ หากต้องการทราบรายละเอียดต่าง ๆ ที่ลงลึกไปอีก คุณอาจจะต้องทดลองใช้งาน เพื่อจะทำให้เห็นถึงข้อแตกต่าง จุดดี จุดเด่น ได้ดีกว่าที่ได้นำเสนอไปนะคะ